วันที่ 13 เม.ย. 2567 พล.ต.ท.ภาคภูมิพิพัฒน์ สัจจพันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เปิดเผยถึงสถิติการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตในช่วง 2 วันแรกของเทศกาลสงกรานต์ พบว่า ลดลงอย่างมีนัยยะเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่องอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และการเสียชีวิต โดยตนได้กำชับให้ตำรวจท้องที่ได้ตรวจสอบสาเหตุทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดว่าสาเหตุที่แท้เกิดจากอะไร โดยยืนยันว่าจะไม่มีการตบแต่งตัวเลข ข้อมูลทุกอย่างต้องเป็นความจริง
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตในช่วงหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบและต่อวินัยการจราจรของผู้เดินทางเอง โดยเน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก และความจริงจังเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ในการปฎิบัติหน้าที่ ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกรณีที่เจ้าหน้าที่มีการตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์หรือตรวจความเร็วของรถ อย่ามองว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญ เพราะหากสามารถบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายได้จริงจังจะช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตได้
ส่วนการตรวจสอบไฟส่องสว่างตามถนน จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอนั้น ยอมรับว่ามีปัญหา แต่บางกรณีอยู่นอกเหนือขอบเขตอำนาจความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้น ทางตำรวจได้มีมาตรการดูแล สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่เสียบนถนน โยกย้ายให้พ้นการกีดขวางจราจร รวมถึงประสานไปยังบริษัทต่างๆให้ดูแลเรื่องจุดชาร์จไฟ แต่ต้องขอความร่วมมือให้ประชาชนตรวจสอบทั้งสภาพรถ การจราจร และจุดชาร์จด้วยตัวเอง
ส่วนการจับการบรรทุกน้ำขึ้นหลังรถกระบะเพื่อเล้นสงกรานต์นั้น สามารถทำได้ตาม พ.ร.บ.จราจรฯ ฉบับใหม่ โดยสามารถนั่งท้ายกระบะได้ไม่เกิน 6 คน และขับเลนซ้าย ใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อความปลอดภัย ส่วนการแต่งกายร่วมเล่นน้ำนั้นขอให้พิจารณาตามความเหมาะสมแต่หากมีการแต่งกายที่ล่อแหลม หรือก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับบุคคลคนรอบข้าง เจ้าหน้าที่ก็จะพิจารณาพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมเช่นกันคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งนี้ สถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์สะสมสองวัน 11-12 เม.ย.เกิดอุบัติเหตุทั้งหมด 632 ครั้ง ลดลงร้อยละ 14 เมื่อขึ้นกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตสะสม 76 ราย ลดลง ร้อยละ 17.11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ผู้บาดเจ็บสะสม 621 คน ลดลงร้อยละ 11.43 ส่วนการจับกุมในคดีเมาแล้วขับสะสม 2 วัน รวม 7,236 ราย สถิติสูงอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค3 จำนวน 2,089 คน รองลงมาในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 1,718 ราย